สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ร่วมกับคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ พบว่าลำไยในแหล่งผลิต 8 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ น่าน) ปีนี้มีผลผลิตรวม 973,603 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 21
“เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย หนาวเย็นต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2563 ส่งผลให้ลำไยมีการติดดอกออกผลมาก ประกอบกับมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงกุมภาพันธ์ 2564 ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในช่วงออกดอกและช่วงติดผลอ่อน แม้ว่าในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน จะเกิดปรากฏการณ์ฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้บางพื้นที่ต้นลำไยขาดน้ำ สลัดลูกทิ้งบางส่วน แต่เนื่องจากการออกดอกและติดผลมีมากกว่าปีที่แล้ว ทำให้ภาพรวมผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้น”
นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ (สศท.1) ให้ข้อมูลถึงสาเหตุที่ทำให้ปีนี้มีผลผลิตลำไยออกมามากและเมื่อจำแนกลำไยในฤดูและนอกฤดู พบว่า ผลผลิตลำไยนอกฤดูมี 290,168 ตัน เพิ่มจากปีที่แล้วร้อยละ 18
ส่วนผลผลิตลำไยในฤดูมี 683,435 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 22 และผลผลิตลำไยในฤดูได้ทยอยออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา ไปจนถึงกันยายน โดยผลผลิตลำไยในฤดูจะออกมากที่สุดในเดือนสิงหาคม 394,707 ตัน หรือร้อยละ 41 ของผลผลิตทั้งหมด
สำหรับราคาลำไยในฤดูที่เกษตรกรขายได้ ณ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ราคาแบ่งเป็นตามเกรด ลำไยสดช่อ เกรด AA กก.ละ 34 บาท, เกรด A 27 บาท, เกรด AA+ A 24 บาท, เกรด B 16 บาท, เกรด C 12 บาท ลำไยรูดร่วง เกรด AA กก.ละ 22 บาท, เกรด A 12 บาท, เกรด B 6 บาท, เกรด C 2 บาท
ด้านการตลาดลำไยภาคเหนือมีตลาดส่งออกที่สำคัญ จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดจีนจะเปิดการซื้อขายแล้ว แต่ยังมีมาตรการตรวจคัดกรองที่เข้มงวดทั้งการตรวจโรคแมลงศัตรูพืช และการตรวจเชื้อโควิด-19 บนบรรจุภัณฑ์สินค้า ณ ด่านนำเข้าเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการลำไยในฤดูของภาคเหนือ นางอังคณา บอกว่า คณะทำงานได้ร่วมกันวางแนวทางการบริหารสมดุล Demand-Supply โดยมีการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการ สำหรับความต้องการผลผลิตส่วนใหญ่จะเน้นการแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก อบแห้งเนื้อสีทอง น้ำลำไยสกัดเข้มข้นและลำไยกระป๋อง 438,420 ตัน บริโภคสดในประเทศ 101,543 ตัน และส่งออกลำไยสด 143,472 ตัน
ส่วนในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวอาจส่งผลกระทบต่อราคาลำไย หน่วยงานภาครัฐทั้งที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การตลาด ได้เตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอกจังหวัด เพื่อบริหารจัดการในช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วงเดือนสิงหาคมนี้เรียบร้อยแล้ว อาทิ การจำหน่ายลำไยเพื่อบริโภคสดในประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายออกนอกแหล่งผลิตผ่าน Modern Trade เครือข่ายสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ธ.ก.ส. ไปรษณีย์และตลาดออนไลน์
“ฉะนั้น ในเดือนหน้าที่จะถึงนี้ ใคร่ขอเชิญชวนคนไทยทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิตลำไยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรในการผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพต่อไป” ผู้อำนวยการ สศท.1 กล่าวเชิญชวน.
ชาติชาย ศิริพัฒน์